อีมอนน์ โฮล์มส์ ผู้ประกาศโทรทัศน์ และแฟนพันธุ์แท้ปีศาจแดง ขอกล่าวชื่นชมนายใหญ่แห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้อยู่หลังฉากแห่งความสำเร็จ ...
เซอร์ อเล็กซ์ เป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนเจริญรอยตามเขา เป็นเหมือนผู้นำศาสนาเลย ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะถ่ายทอดคำสอนของปีศาจแดงที่นั่น และเขาเป็นคนที่คุณอยากจะให้นำพาคุณไปเมื่อเรือกำลังจะล่ม เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่สองที่มี เชอร์ชิลล์ และที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เราก็มี เซอร์ อเล็กซ์ เขามีทั้งความกล้า ความแข็งแกร่ง และความตั้งมั่นดุจเหล็กกล้าที่จะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับใครหรืออะไรก็ตามที่ บุกมาโจมตี เขาเป็นขุนศึกหัวใจแกร่ง ของพวกเรา
เขามักจะเป็นผู้ชนะเสมอ และเป็นคนหนึ่งที่สร้างผลการแข่งขันได้ด้วยการเล่นฟุตบอลที่มีเสน่ห์ดึงดูด ใจ เขามีปฏิภาณในการอบรมเลี้ยงดูและการเซ็นสัญญาที่สุดวิเศษมานานหลายต่อหลายปี แต่การจะเอาชนะลักษณะพื้นฐานของการที่มีคนหลากหลายมาอยู่ด้วยกันได้อย่าง เหมาะสมนั้น เป็นทักษะที่เหลือเชื่อจริงๆ และในความเห็นของผม มันเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเลย ผู้จัดการบางคนนำทีมไปคว้าชัยชนะได้ บางคนเล่นบอลดีๆ ได้ น้อยคนนักที่จะนำเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกันเป็นหนึ่ง กว่าจะทำได้อย่างนั้น เขาต้องผ่านการตัดสินใจที่แสนลำบากมาเนิ่นนานหลายปี แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ไร้ความปรานีใดๆ ด้วย เขาพักจิม เลห์ตันในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปี 1990 และไบรอัน ร็อบสัน ก็ต้องนั่งอยู่นอกสนามในปี 94 รวมไปถึงสตีฟ บรูซ ที่ต้องนั่งดูเพื่อนเล่น ในปี 96 มันลำบากแสนเข็ญที่จะบอกคนที่เป็นนักเตะระดับพระกาฬว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงเล่น หรือบอกพวกเขาว่าเวลาใน แมนฯ ยูไนเต็ด ของพวกเขานั้นหมดลงแล้ว แต่มันก็จำเป็นถ้าคุณจะจัดการให้ประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดได้
มันเป็นเรื่องอัศจรรย์มากที่คิดว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้ง 22 ปีแล้ว และความสำเร็จที่เขานำมาสู่เรานั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมมักจะพูดว่ามันก็เหมือนกับการออกทีวี หางานให้ได้น่ะยาก แต่อยู่ในวงการให้ได้น่ะยากกว่า บ่อยครั้งที่ความยิ่งใหญ่ถูกตัดสินจากระยะเวลา มากกว่าการตัดสินเพียงแต่ช่วงเวลาสำคัญๆ เท่านั้น และเขาก็อยู่ในระดับแนวหน้าของทุกอย่างที่กล่าวมา
ผมทำงานในเมืองแมนเชสเตอร์ ตอนที่เขาเพิ่งย้ายมาสโมสรนี้เมื่อปี 1986 ผมรู้ว่าเขาทำได้ดีใน อาเบอร์ดีน แต่ก็เหมือนกับแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด คนอื่นๆ ที่สงสัยว่าเขาจะเข้ามาอยู่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้จริงๆ หรือ เขาต้องเริ่มงานในช่วงปีแรกๆ ที่แสนลำบาก แต่พอหลังจากการคว้าถ้วย เอฟเอ คัพ ในปี 1990 สิบล้อยี่ห้อเฟอร์กี้ก็เริ่มล้อหมุนแล้ว คุณบอกได้ตั้งแต่แรกเลยว่าเขาเข้าใจถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่มาพร้อม กับการจัดการสโมสรอันใหญ่ยิ่งนี้ และเขาก็ดีสุดๆ กับเหล่าสาวก เขารู้ว่าการเป็นแฟน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่ะเป็นยังไง เพราะเขาก็คือหนึ่งในนั้น คุณจะเห็นว่าเขามีความหลงไหลในสโมสรนี้ เขาจึงใส่ใจเสียงของผู้สนับสนุนมากๆ ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ในฐานะแฟนคนหนึ่ง ความกระตือรือร้นที่ตั้งมั่นอยู่ในเกมการเล่น และความปรารถนาแห่งชัยชนะ เป็นสิ่งที่ผมชื่นชมมาตลอด เห็นได้เลยว่าเขาเกลียดความพ่ายแพ้แค่ไหน ชัยชนะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา มันเจ็บมากที่เขาเอาชนะไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนที่แฟนๆ รู้สึก การที่ความกระหายในชัยชนะคงอยู่ได้นานปานนี้เป็นเรื่องที่ชวนให้เสียการทรง ตัวได้ง่ายๆ ผมคงสิ้นหวังอย่างที่สุดเมื่อนึกว่าเราจะทำอย่างไรหากเขาตัดสินใจว่าเขาพอ แล้ว ไม่ใช่วันที่ผมคิดจะให้มาถึงเลย
มีช่วงขาขึ้นอยู่เยอะ ก็มีขาลงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ เซอร์ อเล็กซ์ ก็เป็นปรมาจารย์เมื่อถึงเวลาที่ต้องโต้ตอบกับเคราะห์กรรมเหล่านั้น เขามักจะพูดถึงความสำคัญของการฟื้นคืนสภาพโดยมองในแง่บวก ไม่ว่าจะเป็นจากความพ่ายแพ้สุดสะเทือนหรือถูกคัดออกจากการแข่งขัน และไม่ใช่แค่เพียงเพราะบอสเป็นเจ้าแห่งกลยุทธ์และให้แรงจูงใจเท่านั้น เขายังเป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้ในแต่ละเกมการแข่งขัน บอกมาได้เลยว่าต้องการอะไรจากเขา และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนหัวทึบ เขามีเซ้นส์ในการก่อกวนที่ล้ำเลิศ และผมก็ชอบความสามารถของเขาที่ทำให้ผู้จัดการทีมอื่นๆ หัวหมุนไปตามๆ กัน และถ้าเขาสามารถเปลี่ยนคุณให้ดีขึ้นได้ เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้ามาช่วย
ผมโชคดีมากที่เคยเล่นร่วมในทีมของเขาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเราสองคนเข้าคู่กันร่วมเล่นในรายการ "ใครอยากเป็นเศรษฐีบ้าง?" (Who Wants To Be A Millionaire?) ในตอนที่เป็นการกุศล (เมื่อเดือนธันวาคม 2004) ซึ่งเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสุดๆ สำหรับผม เขาหลงใหลการตอบคำถามแถมยังมีความรอบรู้อย่างหาที่เปรียบมิได้ และเราทำได้ 32,000 ปอนด์ เราต่างเสียใจที่ไม่สามารถเก็บเงินล้านได้ แต่ก็จบลงที่เราใช้ทุกอย่างที่เรามีในคำถามมูลค่า 64,000 ปอนด์!
เขาเป็นคนที่มหัศจรรย์ และไม่ต้องสงสัยหรือเกิดคำถามใดๆ เลยถ้าจะบอกว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นบุญของเราที่สุดแล้วที่เขามาอยู่กับเรา
เซอร์ อเล็กซ์ เป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนเจริญรอยตามเขา เป็นเหมือนผู้นำศาสนาเลย ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะถ่ายทอดคำสอนของปีศาจแดงที่นั่น และเขาเป็นคนที่คุณอยากจะให้นำพาคุณไปเมื่อเรือกำลังจะล่ม เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่สองที่มี เชอร์ชิลล์ และที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เราก็มี เซอร์ อเล็กซ์ เขามีทั้งความกล้า ความแข็งแกร่ง และความตั้งมั่นดุจเหล็กกล้าที่จะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับใครหรืออะไรก็ตามที่ บุกมาโจมตี เขาเป็นขุนศึกหัวใจแกร่ง ของพวกเรา
เขามักจะเป็นผู้ชนะเสมอ และเป็นคนหนึ่งที่สร้างผลการแข่งขันได้ด้วยการเล่นฟุตบอลที่มีเสน่ห์ดึงดูด ใจ เขามีปฏิภาณในการอบรมเลี้ยงดูและการเซ็นสัญญาที่สุดวิเศษมานานหลายต่อหลายปี แต่การจะเอาชนะลักษณะพื้นฐานของการที่มีคนหลากหลายมาอยู่ด้วยกันได้อย่าง เหมาะสมนั้น เป็นทักษะที่เหลือเชื่อจริงๆ และในความเห็นของผม มันเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเลย ผู้จัดการบางคนนำทีมไปคว้าชัยชนะได้ บางคนเล่นบอลดีๆ ได้ น้อยคนนักที่จะนำเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกันเป็นหนึ่ง กว่าจะทำได้อย่างนั้น เขาต้องผ่านการตัดสินใจที่แสนลำบากมาเนิ่นนานหลายปี แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ไร้ความปรานีใดๆ ด้วย เขาพักจิม เลห์ตันในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปี 1990 และไบรอัน ร็อบสัน ก็ต้องนั่งอยู่นอกสนามในปี 94 รวมไปถึงสตีฟ บรูซ ที่ต้องนั่งดูเพื่อนเล่น ในปี 96 มันลำบากแสนเข็ญที่จะบอกคนที่เป็นนักเตะระดับพระกาฬว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงเล่น หรือบอกพวกเขาว่าเวลาใน แมนฯ ยูไนเต็ด ของพวกเขานั้นหมดลงแล้ว แต่มันก็จำเป็นถ้าคุณจะจัดการให้ประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดได้
มันเป็นเรื่องอัศจรรย์มากที่คิดว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้ง 22 ปีแล้ว และความสำเร็จที่เขานำมาสู่เรานั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมมักจะพูดว่ามันก็เหมือนกับการออกทีวี หางานให้ได้น่ะยาก แต่อยู่ในวงการให้ได้น่ะยากกว่า บ่อยครั้งที่ความยิ่งใหญ่ถูกตัดสินจากระยะเวลา มากกว่าการตัดสินเพียงแต่ช่วงเวลาสำคัญๆ เท่านั้น และเขาก็อยู่ในระดับแนวหน้าของทุกอย่างที่กล่าวมา
ผมทำงานในเมืองแมนเชสเตอร์ ตอนที่เขาเพิ่งย้ายมาสโมสรนี้เมื่อปี 1986 ผมรู้ว่าเขาทำได้ดีใน อาเบอร์ดีน แต่ก็เหมือนกับแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด คนอื่นๆ ที่สงสัยว่าเขาจะเข้ามาอยู่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้จริงๆ หรือ เขาต้องเริ่มงานในช่วงปีแรกๆ ที่แสนลำบาก แต่พอหลังจากการคว้าถ้วย เอฟเอ คัพ ในปี 1990 สิบล้อยี่ห้อเฟอร์กี้ก็เริ่มล้อหมุนแล้ว คุณบอกได้ตั้งแต่แรกเลยว่าเขาเข้าใจถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่มาพร้อม กับการจัดการสโมสรอันใหญ่ยิ่งนี้ และเขาก็ดีสุดๆ กับเหล่าสาวก เขารู้ว่าการเป็นแฟน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่ะเป็นยังไง เพราะเขาก็คือหนึ่งในนั้น คุณจะเห็นว่าเขามีความหลงไหลในสโมสรนี้ เขาจึงใส่ใจเสียงของผู้สนับสนุนมากๆ ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ในฐานะแฟนคนหนึ่ง ความกระตือรือร้นที่ตั้งมั่นอยู่ในเกมการเล่น และความปรารถนาแห่งชัยชนะ เป็นสิ่งที่ผมชื่นชมมาตลอด เห็นได้เลยว่าเขาเกลียดความพ่ายแพ้แค่ไหน ชัยชนะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา มันเจ็บมากที่เขาเอาชนะไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนที่แฟนๆ รู้สึก การที่ความกระหายในชัยชนะคงอยู่ได้นานปานนี้เป็นเรื่องที่ชวนให้เสียการทรง ตัวได้ง่ายๆ ผมคงสิ้นหวังอย่างที่สุดเมื่อนึกว่าเราจะทำอย่างไรหากเขาตัดสินใจว่าเขาพอ แล้ว ไม่ใช่วันที่ผมคิดจะให้มาถึงเลย
มีช่วงขาขึ้นอยู่เยอะ ก็มีขาลงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ เซอร์ อเล็กซ์ ก็เป็นปรมาจารย์เมื่อถึงเวลาที่ต้องโต้ตอบกับเคราะห์กรรมเหล่านั้น เขามักจะพูดถึงความสำคัญของการฟื้นคืนสภาพโดยมองในแง่บวก ไม่ว่าจะเป็นจากความพ่ายแพ้สุดสะเทือนหรือถูกคัดออกจากการแข่งขัน และไม่ใช่แค่เพียงเพราะบอสเป็นเจ้าแห่งกลยุทธ์และให้แรงจูงใจเท่านั้น เขายังเป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้ในแต่ละเกมการแข่งขัน บอกมาได้เลยว่าต้องการอะไรจากเขา และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนหัวทึบ เขามีเซ้นส์ในการก่อกวนที่ล้ำเลิศ และผมก็ชอบความสามารถของเขาที่ทำให้ผู้จัดการทีมอื่นๆ หัวหมุนไปตามๆ กัน และถ้าเขาสามารถเปลี่ยนคุณให้ดีขึ้นได้ เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้ามาช่วย
ผมโชคดีมากที่เคยเล่นร่วมในทีมของเขาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเราสองคนเข้าคู่กันร่วมเล่นในรายการ "ใครอยากเป็นเศรษฐีบ้าง?" (Who Wants To Be A Millionaire?) ในตอนที่เป็นการกุศล (เมื่อเดือนธันวาคม 2004) ซึ่งเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสุดๆ สำหรับผม เขาหลงใหลการตอบคำถามแถมยังมีความรอบรู้อย่างหาที่เปรียบมิได้ และเราทำได้ 32,000 ปอนด์ เราต่างเสียใจที่ไม่สามารถเก็บเงินล้านได้ แต่ก็จบลงที่เราใช้ทุกอย่างที่เรามีในคำถามมูลค่า 64,000 ปอนด์!
เขาเป็นคนที่มหัศจรรย์ และไม่ต้องสงสัยหรือเกิดคำถามใดๆ เลยถ้าจะบอกว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นบุญของเราที่สุดแล้วที่เขามาอยู่กับเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น