วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ชิชาริโต้ ต้องการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก



น้อยคนนักที่จะคาดหวังฟอร์มการเล่นที่สวยหรูของเด็กหนุ่มโนเนมจากกัวดาลาจา รา ในฤดูกาลแรกกับแมนฯ ยูไนเต็ด แต่นัดแล้วนัดเล่าที่เขาทำประตูขึ้นนำ ทำประตูตีเสมอ หรือแม้กระทั่งทำประตูชัยให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็นการโหม่ง การเตะ การใช้ส้นเท้า ไปจนถึงการใช้หน้าทำประตู ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ก็เคยทำให้ทีมปีศาจแดงมาแล้ว นอกจากนี้ การที่เขามีส่วนร่วมในทีม ช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมอยู่เสมอ จนทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของเหล่าปีศาจแดงทุกหนแห่ง ในวันนี้เราจึงได้มาพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับความท้าทายที่จะได้คว้าแชมป์ลี กครั้งแรกกับแมนฯ ยูไนเต็ด

ตอนนี้ก็มาถึงช่วงที่หนักหนาสาหัสที่สุดในฤดูกาลแล้ว ก่อนหน้านี้คุณเคยมีส่วนร่วมในการแย่งชิงถ้วยแชมป์แบบนี้บ้างมั๊ย ในตอนที่เล่นที่เม็กซิโกน่ะ

"ในฤดูกาลแรกของผมกับชีวาสในปี 2006 ในปีนั้นเราได้แชมป์ แม้ว่าผมจะไม่ได้ลงเล่นมากนักแต่ผมก็ทำประตูได้ 2 - 3 ประตู และก็มีส่วนในการช่วยทีมคว้าแชมป์ นอกจากนี้ในปี 2009 เราก็ยังได้แชมป์บอลถ้วยของประเทศที่เรียกว่า อินเตอร์ลีก้า (Interliga) ซึ่งผู้ชนะในถ้วยนี้จะได้สิทธิ์เข้าไปเล่นใน โคป้า ลิเบอร์ตาดอเรส (Copa Libertadores)"

แล้วเหตุการณ์ในครั้งนั้นสอนคุณให้รู้จักรับมือกับช่วงเวลาวุ่นวาย และสำคัญในปลายฤดูกาลอย่างไรบ้าง

"อืม มันช่วยให้ผมมีประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ผมก็ยังคงพูดกับเพื่อนร่วมทีมที่นี่อยู่เลยนะว่าเราควรคาดหวังอะไร และเราควรเตรียมตัวยังไงบ้างที่จะรับมือกับช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสแบบนี้ ซึ่งมันก็เกี่ยวกับความสงบเยือกเย็น และมุ่งมั่นกับภารกิจในมือ รวมทั้งเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณกำลังพยายามทำอยู่นั่นแหละ"

คุณคิดว่าแมนฯ ยูไนเต็ด มีข้อได้เปรียบอะไรเหนือเชลซี และอาร์เซน่อลในการที่จะคว้าแชมป์

"สิ่งเดียวซึ่งเป็นข้อเท็จจริงก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์อันยอดเยี่ยมในการต่อสู้แบบ นี้ นักเตะหลายคนที่นี่มีประสบการณ์มาแล้ว ในขณะที่นักเตะใหม่ๆ เองก็มีความอยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะเรารู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด"

คุณเคยได้มองไปรอบๆ ห้องแต่งตัวแล้วคิดมั๊ยว่า ด้วยนักเตะเหล่านี้แหละที่จะทำให้เราคว้าแชมป์ได้ในปีนี้

"ใช่ เมื่อผมมองเพื่อนร่วมทีม มองเห็นคุณภาพของนักเตะเหล่านี้ ผมรู้สึกได้เลยว่าเราจะสามารถคว้าแชมป์ได้ทุกถ้วยที่เราลงแข่ง"

เหล่านักเตะรุ่นพี่อย่างกิ๊กส์, สโคลส์, ริโอ และคนอื่นๆ ได้บอกนักเตะใหม่ว่ายังไงบ้างในการรับมือกับสิ่งเหล่านี้ และพวกเขาต้องการให้พวกคุณทำยังไง

"พวกเขาบอกเราว่าเราต้องเล่นให้สมกับเป็นนักเตะของแมนฯ ยูไนเต็ด ให้จดจำไว้เสมอถึงประวัติศาสตร์อันยอดเยี่ยมของทีม และเมื่อลงสนามก็ต้องทุ่มเทให้เกมไม่ต่ำกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ การเป็นนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นต้องคิดถึงชัยชนะเสมอ เราไม่เคยคิดถึงการเสมอหรือความพ่ายแพ้ ซึ่งมันเป็นทัศนคติที่จะช่วยให้เราคว้าแชมป์มาได้"

คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องใส่ใจในช่วงฤดูกาลที่เหลือ

"การสร้างสรรค์ฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา และหลีกเลี่ยงความผิดพลาด ซึ่งเริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงนักเตะทุกตำแหน่ง เราต้องหลีกเลี่ยงความผิดพลาดโง่ๆ และเราต้องเล่นทุกเกมให้ดีที่สุดเหมือนเป็นเกมสุดท้ายของเรา"

การได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก มีความหมายอย่างไรกับคุณบ้าง

"มันมีความหมายมากเลยล่ะ ผมอยากคว้าแชมป์มากๆ และก็อยากที่จะชูถ้วยแชมป์ด้วย และมันจะเป็นการจบฤดูกาลแรกของผมได้อย่างสมบูรณ์แบบมากๆ ทีเดียว"

ศูนย์กลาง 30 ล้านปอนด์


ย้อนกลับไปอีกซักเล็กน้อยในวันส่งท้ายปี ในแมตท์ที่แมนฯ ยูไนเต็ดโชว์ฟอร์มเฉียบตบวีแกน 5-0 ภายใต้รูปเกมอันเป็นใจ สปีดเกมเร็วของยูไนเต็ดที่ เราไม่ได้เห็นกันมานาน และความเหนียวแน่นของแนวรับกลับมาอีกครั้ง นับว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดของป๋าเฟอร์กี้ ก่อนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันสู้ศึกกันต่อไปในช่วงที่เหลือของฤดูกาล

จริงๆ แล้วในแมตท์ถล่มเดอะ ลาติกส์ นอกจากชัยชนะด้วยสกอร์ถล่มทลายแล้ว บทบาทของผู้เล่นคนสำคัญอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ก็ปรากฏขึ้นชัดเจนด้วยนะครับ โดยหัวหอกบัลแกเรียนวัย 28 ปี ซึ่งรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางในเกมบุกให้กับทีม ทำทุกอย่างในเกมรุก ไม่ว่าจะทั้งยิง ทั้งจ่ายบอลสวยๆ ตัดแนวรับฝ่ายตรงข้าม แม้ตอนนี้เขายังไม่อาจยกระดับทีมได้อย่างตำนานตลอดกาลของแฟนผีเฉกเช่น เอริค คันโตน่า แต่สิ่งที่เขาผลิตให้กับทีมในช่วงครึ่งซีซั่นที่ผ่านมานี้ ก็ต้องยอมรับว่าผลสอบออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจในระดับหนึ่ง

กับ 6 ประตูที่มาจากการยิงง่ายๆ แค่ระยะ 3 หลาหน้าปากประตู จนถึงลูกยิงตวัดตีลังกาชวนเรียกเสียงฮือฮา แม้จำนวนประตูอาจจะดูน้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนนัดที่ได้รับโอกาสลงล่า ตาข่าย แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดเราจะพบว่า เบอร์บาตอฟ เวอร์ชั่น 2009/2010 มี "ของ" ที่กองหน้ารายอื่นในทีมไม่มี ที่สำคัญมันดันจำเป็นสำหรับทีมเสียด้วย

กล่าวคือทักษะการเก็บบอล ครอบครองบอลของเขา รวมทั้งลูกทีเด็ดจากการผ่านเดธบอลให้คู่พาร์ทเนอร์ ยังคงสร้างความอันตรายให้กับคู่แข่งได้เสมอ

แต่ในเมื่อได้ขึ้นทะเบียนระบุหน้าที่ศูนย์หน้า เลขจำนวนประตูจึงถูกนำมาหยิบยกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่จบไม่สิ้น เมื่อนำราคาค่างวด 30 ล้านปอนด์ มาผสมโรง ทำให้ความกดดันถาโถมเข้ามาจนเจ้าตัวถึงกับโอดครวญเกี่ยวกับแรงกดดันดังกล่าว มาแล้ว

ถามความรู้สึกแฟนบอลทุกคน สไตร์เกอร์มูลค่า 30 ล้านปอนด์ มันต้องเป็นการนำผู้เล่นที่สามารถการันตี 25 ประตูต่อซีซั่นมาสู่ทีม ซึ่งเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า บักเบิร์บสอบตกเต็มๆ ในชั้นเรียนผลิตสกอร์ แต่ในแง่ความสำคัญของเกม พ่อหนุ่มหน้ามนคนนี้ก็ทำผลงานไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน

ใครยังจำได้ในช่วงระหว่างซีซั่น 2006/2007 อันเป็นช่วงที่แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังไล่ล่าตำแหน่งแชมป์ลีก หลังจากที่ต้องเสียโทรฟี่แชมป์ให้กับให้กับเชลซีถึง 2 ปีติดต่อกันก่อนหน้านี้ เฟอร์กูสัน เรียกตัว เฮนริค ลาร์สสัน มาสู่ทีมในสัญญาระยะสั้น โดยนอกจากการนำผู้เล่นมากประสบการณ์มายกระดับความนิ่งของทีมชุดกระหายความ สำเร็จแล้ว มันยังแฝงไว้ด้วย "ของ" ที่ลาร์สสันมีติดตัวคือจังหวะจะโคนในการผ่านบอล และฝีมือชั้นเซียนกับทำสร้างเกมบุกให้ลื่นไหล ซึ่งท้ายที่สุดลาร์สสันยิงไปเพียง 2 ประตู แต่กลับทำประโยชน์ให้แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงนั้นได้อย่างมหาศาล ซึ่งเบอร์บาตอฟ คือผู้เล่นคนปัจจุบันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้

ในสถานการณ์ที่ทุกคนต้องช่วยกันถล่มประตูเพื่อทดแทนการขาดหายไปของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งพิจารณาผลงานที่ออกมาต้องบอกว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด มีผู้เล่นเกินครึ่งทีมที่สามารถเบิกสกอร์ให้กับทีมได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเพรชฆาตในแดนหน้าแต่เพียงอย่างเดียว

กวาดตัวเลข 30 ล้านปอนด์ในห้วงความคิดออกไป แล้วลองเปิดใจกับอาร์ต ฟอร์เวิร์ด คนนี้ ในบทบาทศูนย์กลางของทีมดูอีกซักครั้งครับ

ของเค้าดีจริงๆ นะเอ้า


เรื่องโดย Putt_Hub^^ 

เซอร์ อเล็กซ์ : มันเป็นฟอร์มการเล่นของแชมป์


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาเก็บชัยชนะได้ในอัพตัน พาร์ค หลังจากถูกเวสต์ แฮม นำไปก่อนถึง 2 ประตูในครึ่งแรก แต่ทีมปีศาจแดงก็ยังโชว์ฟอร์มแชมป์ด้วยการทำ 4 ประตูในครึ่งหลัง พลิกกลับมาเอาชนะได้ 2 - 4

เวย์น รูนี่ย์ ทำแฮตทริกให้ทีมได้ในเวลา 15 นาที และจากนั้นก็ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งประตูของชิชาริโต้ ซึ่งนายใหญ่ทีมปีศาจแดงก็พอใจกับฟอร์มการเล่นในวันนี้ของลูกทีมมาก

"ผมคิดว่าวันนี้เราเล่นได้เหมือนทีมแชมป์จริงๆ เรายังคงเงยหน้า และมุ่งมั่นเล่นเกมของเรา ไม่สูญเสียความเชื่อมั่น ซึ่งมันถือเป็นสิ่งที่ดีมาก" เซอร์ อเล็กซ์ ให้สัมภาษณ์กับ Sky Sports

"มันไม่ใช่การมาเยือนที่ง่ายเลย พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อหนีการตกชั้น แต่เราก็สามารถกลับมาครองเกมได้ในครึ่งหลัง มันเป็นฟอร์มการเล่นของแชมป์จริงๆ"

"แน่นอนว่าอาร์เซน่อลมีเกมน้อยกว่าเราหนึ่งนัด บางทีอาจถึงขั้นที่เราต้องตัดสินแชมป์กันที่ลูกได้เสียเลยก็ได้ แต่ผมก็ไม่ต้องการเช่นนั้น เราต้องเก็บชัยชนะในเกมของเราให้ได้ เรายังมีเกมในบ้านอีก 4 เกม และนอกบ้าน 3 เกม และสิ่งสำคัญสำหรับนักเตะก็คือ ให้พวกเขาได้ลงเล่นอย่างเต็มที่"

แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อยๆ บีบเกมเจ้าบ้านช้าๆ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีเยี่ยมของอันโตนิโอ วาเลนเซีย และเวย์น รูนี่ย์ ผู้เป็นฮีโร่ในเกมนี้อย่างไม่มีข้อกังขา

"วาเลนเซีย ทำให้ทีมเจ้าบ้านต้องทำงานหนักจริงๆ เขามีความมั่นใจมากในการเล่นบอล แทบไม่มีใครแย่งบอลเขาได้ ดังนั้นเราจึงมีโอกาสบุกเมื่อใดก็ตามที่วาเลนเซียได้บอลใกล้กรอบเขตโทษ ในครึ่งแรกเขาส่งบอลงามๆ 2 - 3 ครั้งแต่เราแค่จบสกอร์ไม่ได้เท่านั้น"

"ในครึ่งหลัง เมื่อชิชาริโต้ลงสนาม เขาก็โชว์ฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม เขาเป็นตัวอันตรายของทีมคู่แข่ง ทำให้กองหลังต้องคุมในกรอบเขตโทษให้ดี ทำให้เรามีพื้นที่ทำเกมกลางสนามมากขึ้น"

"ผมต้องบอกเลยว่าการเสีย 2 ประตูในครึ่งแรกมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากเพราะว่าเราครองบอลได้มากกว่า และมีโอกาสทำประตูด้วย แต่เมื่อคุณต้องตามอยู่ถึง 2 ประตูคุณก็ต้องมีความเชื่อมั่น และมุ่งไปข้างหน้า นั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"
 

VIVA Hernandez


แม้จะเป็นนักเตะซึ่งยังไม่มีใครรู้จักมากนักเมื่อตอนเซ็นสัญญากับยูไน เต็ด ใหม่ๆ แต่สถิติการทำประตูต่อจำนวนนัดที่เข้าขั้นดีเลิศกับทีมชาติเม็กซิโก ทำให้ผู้เขียนต้องหันมาจับตามองเด็กหนุ่มจังโก้คนนี้อย่างจริงจัง ซึ่งในขณะนั้นเวทีฟุตบอลโลก เป็นทัวนาเม้นท์ที่สามารถวัดระดับฝีเท้าได้ดีที่สุด

แม้เม็กซิโกจะถูกเหล่าขุนพลอาเจนติน่าเขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ 2 ประตูจากทัวนาเม้นท์นี้ของ
ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เฮอร์นานเดซ ก็เป็นอะไรที่แฟนผีแดงทั่วโลกกล่าวถึงกันพอสมควร แต่ที่มองเห็นตรงกันก็คือแมนยูไนเต็ด โชคดีมากแค่ไหนที่ได้ลายเซ็นจากเขาก่อนเวิร์ลคัพ จะเริ่มขึ้น

เฮอร์นานเดซ เจ้าของฉายาถั่วน้อย อันเนื่องมาจากที่เขามีนัยตาสีเขียวนั้น นอกจากจะมีความเร็วสูงแล้ว เขายังมีไลน์การวิ่งหาช่องที่ดีอีกด้วย ซึ่งเหล่าสาวกปิศาจคงจะเห็นกันจนชินตาไปเสียแล้ว ทำให้ผู้เขียนมองว่าการเล่นของเขานั้นมีความคล้ายคลึงกับ
ไมเคิล โอเว่น หัวหอกร่วมค่ายเป็นอย่างมาก เพราะเซนต์ไมเคิล ก็ถือ
เป็นอีกหนึ่งกองหน้าที่เป็นเต้ยในการหาพื้นที่เข้าทำ จะต่างกันก็ตรงที่ว่าหากเป็นโอเว่นในช่วงพีคสุดๆ นั้น สปีด และความคมจะดูเหนือกว่าเจ้าถั่วอยู่พอสมควร

ผู้เขียนจัดชิชาริโต้เป็นกองหน้าประเภท Nature Striker กล่าวเขาสามารถทำประตูได้จากทุกส่วนของร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมีจมูกที่ไวในกรอบเขตโทษ ซึ่งคุณสมบัติข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับศูนย์หน้า ดังที่เพชรฆาตรุ่นพี่อย่าง
รุด ฟาน นิสเตลรอย มี และเขาก็ได้ใช้ยีนเด่นด้านนี้ ทำประตูให้ยูไนเต็ด ได้อย่างถล่มทลาย

แต่คุณสมบัติที่ผู้เขียนกลับชอบในตัวเฮอร์นานเดซ มากที่สุดคือ การเล่นเป็นทีมของเจ้าตัวนั่นเอง สังเกตให้ดีเราจะเห็นว่าเจ้าถั่วน้อย ได้บอลแล้วมองหาเพื่อนตลอด ไม่มีฝืนดันทุรังเล่นคนเดียวแบบศูนย์หน้าคนอื่นๆ เราจึงเห็นจังหวะการเล่นของชิชาริโต้ ที่ไม่ค่อยชัดหูขัดตาแฟนผีมากนัก เพราะมันดูลื่นไหลเป็นธรรมชาติ และเข้ากับจังหวะของทีมเป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าแปลกใจมากๆ เพราะนี่ถือเป็นซีซั่นแรกของเขาในชุดอสูรแดง แต่กลับทำได้ดีขนาดนี้


เนื่องจากชิชาริโต้ เป็นแฟนตัวยงของแมนฯ ยูไนเต็ด จึงไม่แปลกใจที่เราจะเห็นเขาจูบตราสัญลักษณ์สโมสรแทบทุกครั้งเมื่อเขาทำ ประตูได้ และด้วยความเป็นมืออาชีพเต็มตัว ตามที่เซอร์ อเล็กซ์ ได้กล่าวไว้ว่า เจ้าถั่วน้อยมักจะมาซ้อมก่อนใคร และมักจะกลับทีหลังคนอื่น ทำให้เขาเข้าไปอยู่ในหัวใจของแฟนๆ ยูไนเต็ด อย่างรวดเร็ว


เมื่อ
เวย์น รูนีย์ ซึ่งพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่กลับมาลงสนามได้ ทีมชีทในส่วนของคู่กองหน้าอาจจะต้องถูกเปลี่ยนไป เนื่องจากเจ้าหมูรูนถือเป็นกองหน้าตัวเลือกอันดับหนึ่งของทีม แต่ในใจสาวกปิศาจแดงคงรู้กันดีว่า ฝีเท้าของชิชาริโต้ นั้นดีเกินกว่าที่จะเป็นเพียงแค่ตัวสำรองเสียแล้ว ซึ่งเป็นโจทย์ที่เฟอร์กี้ คงจะต้องขบคิด และตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของทีม

ในปีแย่ๆ ที่เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายของแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็นการขาดหายไปของ
อันโทนิโอ วาเลนเซีย ตลอดทั้งซีซั่น สมาธิของทีมที่เสียไปเนื่องจากเรื่องราวการต่อสัญญาของ เวย์น รูนีย์ และผลการแข่งขันที่ช๊อคแฟนบอลหลายๆ นัด

การโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของน้องใหม่อย่าง ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ คงจะทำให้แฟนผีแดงอย่างเราๆ ใจชื้นขึ้นบ้างนะครับ

ที่สุดของทีมจากปากดาร์เรน เฟลทเชอร์

ดาร์เรน เฟลทเชอร์ ออกมาเปิดเผยเรื่องราวภายในทีม ใครแต่งตัวได้เนี้ยบที่สุด ใครเห่ยที่สุด แล้วเขาคิดอย่างไรกับการซ้อมกับแมนฯ ยูไนเต็ด บ้าง ผ่านทางบทสัมภาษณ์นี้


ยอดเยี่ยมที่สุดในสนามซ้อม
"นักเตะที่เยี่ยมที่สุดคือสโคลส์ ไม่ต้องสงสัยเลย เราเจอกับเกมหนักๆ กันมากในพรีเมียร์ชิพ แต่การเจอกับสโคลส์ในสนามซ้อมนั้นมันยากกว่ามาก จะว่าเป็นงานที่ยากที่สุดในการเล่นฟุตบอลเลยก็ว่าได้ การจับบอล จินตนาการ วิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลของเขามันยอดเยี่ยมจริงๆ แล้วเขายังสามารถทำประตูขำๆ ได้จากแทบทุกที่ในสนามอีกด้วย"

ยอดแย่ในสนามซ้อม
"เวส บราวน์ เขาปล่อยตัวสบายๆ มากเลยตอนซ้อม พออยู่ในเกมแข่งจริงๆ เขาดูเป็นกองหลังระดับเยี่ยมคนหนึ่ง แต่ตอนซ้อมนี่เขาทำทุกอย่างให้มันง่ายไปซะหมด ไม่ค่อยเข้าปะทะแรงๆ เท่าไหร่ คุณจะผ่านเขาได้ง่ายๆ ใช้ทักษะแค่นิดหน่อยเอง"

พยายามเล่นเทคนิคมากที่สุด
"เดาได้ง่ายๆ เลย โรนัลโด้แน่ๆ เขามักจะทำให้คุณดูงี่เง่าไปเลยแหละตอนซ้อมเนี่ยโดยการคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนมาเล่นอยู่เสมอ บางอย่างก็คาดไม่ถึงเลยด้วย นอกจากนี้เขายังซ้อมทริกใหม่ๆ พวกนี้ตลอดหลังจากที่เลิกซ้อมปกติไปแล้ว ทุกครั้งที่คุณเข้าปะทะกับเขาคุณต้องเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าเขามีโอกาสที่จะ หลอกคุณหัวทิ่มไปเลยแล้วหนีออกไปทางด้านหลังได้ง่ายๆ"

กองหลังที่เหนียวแน่นที่สุด
"พูดยากจัง ระหว่างวิดิช กับบราวน์ ไม่มีใครชิวๆ เลยในเกมแข่งขัน แต่จะให้เลือกผมเลือกวิดิช เพราะเขาไม่เคยปล่อยเลยไม่ว่าจะเป็นเกมชุดใหญ่หรือไม่ แม้กระทั่งตอนเล่นกัน 5 คนในสนามซ้อม แต่ในสนามแข่งจริง ผมไม่คิดว่าใครจะผ่านบราวน์ได้ง่ายๆ"

มีใครไม่ได้เล่นในตำแหน่งของตัวเองตลอดไหม ?
"เราจะได้รับตำแหน่งหลายๆ ตำแหน่งตอนซ้อม ไม่ต้องเปลี่ยนกันเอง แต่ผมสังเกตเห็นว่าริโอ ดูท่าทางจะพอใจกับการได้เล่นเป็นกองหน้ามากๆ ส่วนรูนี่ย์คิดว่าเขาเองเล่นดีในทุกๆ ตำแหน่ง เขาเคยคิดว่าเขาจะเป็นแบ็คขวาที่ดีที่สุดในโลกถ้าเขาได้เล่นตรงนั้น"

ซีเรียสที่สุด
"น่าจะเป็นวิดิช เขาทำเกมฟุตบอลให้เป็นเรื่องซีเรียสได้ตลอด แต่จริงๆ แล้วเขาชอบหัวเราะนะ แต่ว่าเขาจะจริงจังกับการลงเล่นและการซ้อมอยู่ตลอด"

ฉลาดที่สุด
"(อึ้งไปสักพัก) โอเชีย... ผมไม่ได้โง่ที่สุดนะ แต่ผมคิดว่าโอเชียน่าจะเป็นนักเตะที่ฉลาดที่สุดในทีมแล้ว"

แต่งตัวดีและแย่ที่สุด
"โรนัลโด้ มักจะพูดว่าเขาแต่งตัวได้ดีที่สุด ส่วนที่แย่ที่สุดก็...เอวร่า แต่ผมก็ว่าเขายังโอเคอยู่นะ (โรนัลโด้เดินมา)"
เฟลทเชอร์ : เฮ้โด้ ใครแต่งตัวแย่ที่สุดในทีม? เอวร่า?
โรนัลโด้ : ไม่นะ เอวร่าก็แต่งตัวดี (หยุดคิดแล้วหัวเราะขึ้นมา) เอ็ดวิน ยกให้เอ็ดวิน เลย

ประเมินตัวเองขณะซ้อม
"ผมทำงานหนักเสมอในสนามซ้อม ผมจะซ้อมไม่ว่าจะบาดเจ็บอยู่ ผมไม่อยากขาดซ้อมนะ ผมอยากจะคิดว่าเพื่อนๆ อยากได้ผมอยู่ข้างเดียวกันตอนซ้อมเพราะผมทำหลายๆ อย่างให้ทีมและใส่ความพยายามไปเต็มที่"

ดีที่สุดสำหรับการซ้อม
"สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการได้มาซ้อมและเล่นฟุตบอลทุกวันเนี่ยแหละ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ทำอะไรที่เรารักทุกๆ วัน นอกจากนี้ความเป็นมิตรและการหยอกล้อกันเองของเพื่อนร่วมทีมมันก็ทำให้ที่นี่ เป็นที่ที่น่าขึ้นไปอีก"

แย่ที่สุดสำหรับการซ้อม
"โรงยิม ผมพยายามไปยิมทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นจะบึกขึ้นเลย ยังไงผมก็ยังหวังว่ามันจะดีขึ้นสักวันหละนะ แต่การซ้อมในยิมไม่ใช่อะไรที่น่าสนุกนักหรอก มันเป็นแค่อะไรบางอย่างที่จำเป็นต้องทำแค่นั้นเอง"
 

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

David de Gea vs. Arsenal

คลิปวิดีโอ David de Gea VS Arsenal เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ซึ่งในในัดนั้น David โชว์ฟอร์มได้สุดยอด และ Man U ชนะ Arsenal ไปอย่างถล่มถลาย 8-2


วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

เกลเซอร์ยิ้มแฉ่ง!ผีอู้ฟู่ฟาดกำไรทะลุ 100 ลป.




กำไรบานเบอะเลย สำหรับ"ปิศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ได้ประกาศผลประกอบการใน 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนมิถุนายน 2011 โดยฟาดกำไรไปถึง 110.9 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

"ปิศาจแดง"ยังได้เปิดเผยรายรับที่เป็นสถิติด้วยโดยพวกเขารับเงินไปทั้งหมด 334.1 ล้านปอนด์ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ามา 45 ล้านปอนด์และเป็นครั้งแรกแรกที่โกยเงินทะลุ 300 ล้านปอนด์อีกด้วย

ยักษ์ใหญ่แห่งอังกฤษที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในซีซั่นที่ผ่านมาและ ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงแชมป์เปี้ยนส์ลีกยังฟาดรายได้จากโฆษณาไปอีก 103.4 ล้านปอนด์ด้วยกัน

ผลประกอบการนี้ถูกเปิดเผยออกมาหลังพวกเขาตัดสินใจที่จะปล่อยหุ้นเข้าตลาดหุ้นของสิงคโปร์เพื่อรับเงินมาใช้อีก 614 ล้านปอนด์ด้วยกัน

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ยอดคน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน



     อีมอนน์ โฮล์มส์ ผู้ประกาศโทรทัศน์ และแฟนพันธุ์แท้ปีศาจแดง ขอกล่าวชื่นชมนายใหญ่แห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้อยู่หลังฉากแห่งความสำเร็จ ...

เซอร์ อเล็กซ์ เป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนเจริญรอยตามเขา เป็นเหมือนผู้นำศาสนาเลย ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะถ่ายทอดคำสอนของปีศาจแดงที่นั่น และเขาเป็นคนที่คุณอยากจะให้นำพาคุณไปเมื่อเรือกำลังจะล่ม เหมือนตอนสงครามโลกครั้งที่สองที่มี เชอร์ชิลล์ และที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เราก็มี เซอร์ อเล็กซ์ เขามีทั้งความกล้า ความแข็งแกร่ง และความตั้งมั่นดุจเหล็กกล้าที่จะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับใครหรืออะไรก็ตามที่ บุกมาโจมตี เขาเป็นขุนศึกหัวใจแกร่ง ของพวกเรา

เขามักจะเป็นผู้ชนะเสมอ และเป็นคนหนึ่งที่สร้างผลการแข่งขันได้ด้วยการเล่นฟุตบอลที่มีเสน่ห์ดึงดูด ใจ เขามีปฏิภาณในการอบรมเลี้ยงดูและการเซ็นสัญญาที่สุดวิเศษมานานหลายต่อหลายปี แต่การจะเอาชนะลักษณะพื้นฐานของการที่มีคนหลากหลายมาอยู่ด้วยกันได้อย่าง เหมาะสมนั้น เป็นทักษะที่เหลือเชื่อจริงๆ และในความเห็นของผม มันเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเลย ผู้จัดการบางคนนำทีมไปคว้าชัยชนะได้ บางคนเล่นบอลดีๆ ได้ น้อยคนนักที่จะนำเอาสิ่งเหล่านี้มารวมกันเป็นหนึ่ง กว่าจะทำได้อย่างนั้น เขาต้องผ่านการตัดสินใจที่แสนลำบากมาเนิ่นนานหลายปี แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ไร้ความปรานีใดๆ ด้วย เขาพักจิม เลห์ตันในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปี 1990 และไบรอัน ร็อบสัน ก็ต้องนั่งอยู่นอกสนามในปี 94 รวมไปถึงสตีฟ บรูซ ที่ต้องนั่งดูเพื่อนเล่น ในปี 96 มันลำบากแสนเข็ญที่จะบอกคนที่เป็นนักเตะระดับพระกาฬว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงเล่น หรือบอกพวกเขาว่าเวลาใน แมนฯ ยูไนเต็ด ของพวกเขานั้นหมดลงแล้ว แต่มันก็จำเป็นถ้าคุณจะจัดการให้ประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดได้

มันเป็นเรื่องอัศจรรย์มากที่คิดว่าเขาอยู่ที่นี่มาตั้ง 22 ปีแล้ว และความสำเร็จที่เขานำมาสู่เรานั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมมักจะพูดว่ามันก็เหมือนกับการออกทีวี หางานให้ได้น่ะยาก แต่อยู่ในวงการให้ได้น่ะยากกว่า บ่อยครั้งที่ความยิ่งใหญ่ถูกตัดสินจากระยะเวลา มากกว่าการตัดสินเพียงแต่ช่วงเวลาสำคัญๆ เท่านั้น และเขาก็อยู่ในระดับแนวหน้าของทุกอย่างที่กล่าวมา

ผมทำงานในเมืองแมนเชสเตอร์ ตอนที่เขาเพิ่งย้ายมาสโมสรนี้เมื่อปี 1986 ผมรู้ว่าเขาทำได้ดีใน อาเบอร์ดีน แต่ก็เหมือนกับแฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ด คนอื่นๆ ที่สงสัยว่าเขาจะเข้ามาอยู่ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้จริงๆ หรือ เขาต้องเริ่มงานในช่วงปีแรกๆ ที่แสนลำบาก แต่พอหลังจากการคว้าถ้วย เอฟเอ คัพ ในปี 1990 สิบล้อยี่ห้อเฟอร์กี้ก็เริ่มล้อหมุนแล้ว คุณบอกได้ตั้งแต่แรกเลยว่าเขาเข้าใจถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่มาพร้อม กับการจัดการสโมสรอันใหญ่ยิ่งนี้ และเขาก็ดีสุดๆ กับเหล่าสาวก เขารู้ว่าการเป็นแฟน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่ะเป็นยังไง เพราะเขาก็คือหนึ่งในนั้น คุณจะเห็นว่าเขามีความหลงไหลในสโมสรนี้ เขาจึงใส่ใจเสียงของผู้สนับสนุนมากๆ ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร ในฐานะแฟนคนหนึ่ง ความกระตือรือร้นที่ตั้งมั่นอยู่ในเกมการเล่น และความปรารถนาแห่งชัยชนะ เป็นสิ่งที่ผมชื่นชมมาตลอด เห็นได้เลยว่าเขาเกลียดความพ่ายแพ้แค่ไหน ชัยชนะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา มันเจ็บมากที่เขาเอาชนะไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนที่แฟนๆ รู้สึก การที่ความกระหายในชัยชนะคงอยู่ได้นานปานนี้เป็นเรื่องที่ชวนให้เสียการทรง ตัวได้ง่ายๆ ผมคงสิ้นหวังอย่างที่สุดเมื่อนึกว่าเราจะทำอย่างไรหากเขาตัดสินใจว่าเขาพอ แล้ว ไม่ใช่วันที่ผมคิดจะให้มาถึงเลย

มีช่วงขาขึ้นอยู่เยอะ ก็มีขาลงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ เซอร์ อเล็กซ์ ก็เป็นปรมาจารย์เมื่อถึงเวลาที่ต้องโต้ตอบกับเคราะห์กรรมเหล่านั้น เขามักจะพูดถึงความสำคัญของการฟื้นคืนสภาพโดยมองในแง่บวก ไม่ว่าจะเป็นจากความพ่ายแพ้สุดสะเทือนหรือถูกคัดออกจากการแข่งขัน และไม่ใช่แค่เพียงเพราะบอสเป็นเจ้าแห่งกลยุทธ์และให้แรงจูงใจเท่านั้น เขายังเป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้ในแต่ละเกมการแข่งขัน บอกมาได้เลยว่าต้องการอะไรจากเขา และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนหัวทึบ เขามีเซ้นส์ในการก่อกวนที่ล้ำเลิศ และผมก็ชอบความสามารถของเขาที่ทำให้ผู้จัดการทีมอื่นๆ หัวหมุนไปตามๆ กัน และถ้าเขาสามารถเปลี่ยนคุณให้ดีขึ้นได้ เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้ามาช่วย

ผมโชคดีมากที่เคยเล่นร่วมในทีมของเขาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเราสองคนเข้าคู่กันร่วมเล่นในรายการ "ใครอยากเป็นเศรษฐีบ้าง?" (Who Wants To Be A Millionaire?) ในตอนที่เป็นการกุศล (เมื่อเดือนธันวาคม 2004) ซึ่งเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสุดๆ สำหรับผม เขาหลงใหลการตอบคำถามแถมยังมีความรอบรู้อย่างหาที่เปรียบมิได้ และเราทำได้ 32,000 ปอนด์ เราต่างเสียใจที่ไม่สามารถเก็บเงินล้านได้ แต่ก็จบลงที่เราใช้ทุกอย่างที่เรามีในคำถามมูลค่า 64,000 ปอนด์!

เขาเป็นคนที่มหัศจรรย์ และไม่ต้องสงสัยหรือเกิดคำถามใดๆ เลยถ้าจะบอกว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นบุญของเราที่สุดแล้วที่เขามาอยู่กับเรา

10 เหตุผลที่ปีนี้จะเป็นปีของยูไนเต็ด


Inside United ฉบับต้อนรับการเปิดฤดูกาลใหม่ 2010/11 นี้ สร้างความมั่นใจให้แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยเหตุผล 10 ข้อที่ปีนี้ทีมจะคว้าแชมป์...

1. ประวัติศาสตร์ได้ว่าเอาไว้ นับตั้งแต่การได้แชมป์แรกภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เว้นช่วงห่างจากถ้วยแชมป์มากกว่าหนึ่งปี (ในปี 2004 -2006) ดังนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าหลังจากที่พลาดแชมป์ในปีที่แล้ว ในฤดูกาล 2010/11 นี้แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาทวงแชมป์คืน

2. ความกระหายในชัยชนะ นายใหญ่ของทีมมักจะพินิจพิจารณาลูกทีมก่อนเริ่มฤดูกาลเสมอเพื่อดูให้แน่ใจ ว่าพวกเขายังมีแรงขับที่ต้องการจะเอาชนะ เราเก็บชัยชนะในเวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยความมั่นใจ และนั่นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราต้องการถ้วยแชมป์ของเราคืนมาแน่ๆ

3. ความผิดหวังจากฟุตบอลโลก นอกเหนือจากชิชาริโต้แล้ว เหล่านักเตะที่เหลือของทีมต่างก็ผิดหวังจากเกมทีมชาติทั้งนั้น ไม่จะเป็นการตกรอบแรก รอบสอง หรือรอบไหนๆ แล้วทำไมถึงเป็นสิ่งที่ดีต่อสโมสรล่ะ? เหตุผลข้อแรกก็คือ พวกเขาจะพยายามอย่างสุดเหวี่ยงที่จะกลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้ง และข้อสองก็คือ พวกเขาได้พักผ่อนมามากเพียงพอแล้ว

4. เราคงไม่โชคร้ายเพราะอาการบาดเจ็บอีกแล้วล่ะมั๊ง แน่นอน เราคงไม่ต้องเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บขั้นรุนแรงเหมือนช่วงหน้าหนาวปีที่แล้ว ที่แบบว่าทั้งแนวแบ็คโฟร์ต้องพากันเข้ารับการรักษาหรอก

5. ตัวช่วยสำหรับเวย์น รูนี่ย์ ในปีนี้เรามีตัวช่วยทำประตูเพิ่มขึ้นมาอย่างชิชาริโต้ รวมไปถึงการกลับมาเข้าฟอร์มอีกครั้งของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

6. แชมป์ลีกครั้งสุดท้าย สำหรับนักเตะจอมเก๋าอย่างไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, แกรี่ เนวิลล์ และเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พวกเขาต่างก็ต้องการชัยชนะ นั่นคือถ้วยแชมป์ลีก อีกครั้งก่อนที่จะแขวนสตั๊ด (แม้จะมีข่าวลือว่ากิ๊กซี่ จะเล่นถึงปี 2050 ก็เถอะ)

7. ความสามารถของเหล่าเด็กๆ นักเตะหนุ่มเลือดใหม่ของทีมนำโดย จอนนี่ อีแวนส์ จะเป็นเรี่ยวแรงสำหรับของแมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ เรายังต้องจับตามองดาวรุ่งอย่าง ราฟาเอล, ฟาบิโอ, มาเคด้า, กิ๊บสัน, สมอลลิ่ง และโอเบอร์ต็อง รวมทั้งมิดฟิลด์ตัวรุกอย่างทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ไว้ให้ดี

8. จอห์น โอเชีย ความสมดุลในการป้องกันของเขาค่อนข้างรวนนิดหน่อยในฤดูกาลที่แล้ว (อาจเพราะล้าจากการลงเล่น 54 เกมในปี 2008/09) แต่หลังจากนั้นเราก็ต้องยอมโค้งคำนับงามๆ ให้กับเขาหลังจากขึ้นมาเติมเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่อง

9. รูนี่ย์ยังคงเรียนรู้อยู่เสมอ 34 ประตูในฤดูกาลที่แล้ว และหลังจากการพัฒนาแทคติคมากมายก็แสดงให้เห็นว่าความสามารถด้านฟุตบอลของรู นี่ย์ก็ขยายตัวมากขึ้น เขาเพียงแค่ทำประตูไม่ได้ในช่วงหลัง (รวมทั้งในฟุตบอลโลก) แต่นั่นก็เพราะว่าเขายังไม่ฟิตสมบูรณ์ และแน่นอนว่าเขาจะดีขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ

10. เหตุผลข้อสุดท้ายก็เพราะว่าเราคือแมนฯ ยูไนเต็ด และเราไม่ชอบเป็นที่สอง!